วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

COCA - COLA



ประวัติของโค้ก
"โคคา-โคลา" หรือที่ทุกคนรู้จักกันมายาวนานในชื่อ "โค้ก" เป็นเครื่องดื่มที่อยู่คู่คนทั่วโลกมายาวนานกว่า 128 ปี จากเครื่องดื่มที่เริ่มจำหน่ายในร้านขายยาท้องถิ่นในเมืองแอตแลนต้า สหรัฐอเมริกา จนถึงวันนี้ "โค้ก" เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมอันดับ 1 ของโลก จากการจำหน่ายเพียงไม่กี่แก้ว ปัจจุบัน "โค้ก" เติมความสุขมอบความสดชื่นให้คนทั่วโลก ในหลากหลายโอกาสทุกๆ วัน วันนี้เราอยากให้ทุกคนมาร่วมกันย้อนวันวานและสนุกไปกับการเดินทางของ "โค้ก" ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน โดยตลอดระยะทางกว่า 128 ปี เปรียบเสมือนการเดินทางที่มีค่า อีกทั้งเต็มไปด้วยเรื่องราวและความทรงจำดีๆ ระหว่าง "โค้ก" และ "ผู้บริโภค" ทั่วทุกมุมโลก เมื่อปี ค.ศ. 1886 ณ ร้านขายยา "เจคอบ ฟาร์มาซี" เมืองแอตแลนตา มลรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีเภสัชกรชื่อ ดร.จอห์น เพมเบอร์ตัน (Dr.John Pemberton) เขาได้คัดสรรวัตถุดิบจากธรรมชาติที่ให้กลิ่นและรสดีต่างๆ ที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก นำมาผสมผสาน คิดค้นจนได้เครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่นแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร แม้เวลาจะผ่านมากว่า 128 ปีแล้ว แต่ "โค้ก" ยังคงเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลก โดยปราศจากวัตถุกันเสียและสารแต่งกลิ่นสังเคราะห์ นอกจากนี้สีน้ำตาลเข้มของ "โค้ก" ที่เราคุ้นเคยก็มาจากสีของคาราเมล นั่นซึ่งก็คือสีของน้ำตาลที่ผ่านการเคี่ยวจนเหนียวข้นนั่นเอง

กลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มเป้าหมายของโค้กคือวัยรุ่น ที่มีไลฟสไตล์เกี่ยวข้องกับโซเชียลมีเดียและมีการแชร์ความรู้สึกต่างๆบนโซเชียลมีเดีย


IMC ของโค้ก


โค้กใช้ กลยุทธ์ Emotional Marketing และ Lifestyle มีทัศนคติด้านบวกและมองโลกในแง่ดี หรือ ดื่มโค้กแล้วรู้สึกมีความสุข เพื่อต้องการสร้างความรู้สึกขึ้นในใจของให้ผู้บริโภค และใช้อารมณ์ความรู้สึกในการตัดสินใจซื้อ
ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มีความสร้างสรรค์และตรงใจผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างแคมเปญ

“แชร์โค้ก แชร์ความรู้สึก” (Share a Coke, Share a Feeling) โดยเป็นเจ้าแรกในเมืองไทยที่นำ ‘Emoticon’ (อิโมติคอน)
หรือไอคอนกราฟฟิคแสดงอารมณ์ความรู้สึกยอดนิยมทางโลกออนไลน์ พร้อมข้อความสนุกสุดกวนถึง 39 รูปแบบ มาพิมพ์ไว้บนขวด PET และกระป๋องโค้ก เพื่อให้ผู้บริโภคได้แชร์โค้ก แชร์ความรู้สึก สร้างเสริมมิตรภาพ และส่งต่อความสุขให้แก่กัน โดยมีโค้กรุ่นพิเศษเป็นสื่อกลางเพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์แห่งความสุขซ่า และผู้นำด้านนวัตกรรมการตลาดของโค้ก

โค้กมีการส่งสัญญาณชัดเจนเรื่องความสุขมาตลอด จัดเป็นแบรนด์ที่มี Cultural Leadership แสดงถึงการมองโลกแง่บวก แบรนด์แห่งความสุข ซึ่งมีความชัดเจนของแบรนด์ที่สะท้อนมุมที่ชัดเจน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่จะเล่นความรู้สึกทางอารมณ์กับผู้บริโภคได้อย่างเข้าใจ เพราะหากเป็นแบรนด์ใหม่ๆ หรือแม้แต่แบรนด์ที่มีอายุมากแล้ว หากไม่มีความต่อเนื่องในการสร้างแบรนด์ การเล่นกับความรู้สึกที่โดนใจผู้บริโภคแบบแมสระดับประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย ดังตัวอย่าง




โฆษณาทางยูทูปและ TVC


Coca - Colaเปิดตัวโฆษณาใหม่เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2016 โดยมีการใช้เยาวชนที่มีความสดใส ในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกผ่านตัวโฆษณาให้เห็น โดยแสดงให้เห็นว่าเวลาที่เราเบื่อๆ เมื่อได้ดื่ม Coca-Cola แล้วจะทำให้รู้สึกสดชื่น มีกำลังและพร้อมลุยกับงานต่างๆ โดยมีการเน้นย้ำที่ว่า ดื่มโค้กแล้วออกไปซ่า ทุกบ่ายสดชื่นแค่ซ่ากับโค้ก ทั้งนี้ Coca - Cola ยังมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านโฆษณาที่มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และหลากหลายช่องทางมากขึ้น เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและจูงใจผู้บริโภค โดยทำการเลือกใช้พรีเซนเตอร์ที่มีความสดใส แข็งแรง เพื่อแสดงให้ถึงความซ่า สดชื่นของโค้ก

และต่อเนื่องมาติดๆกับโฆษณาชุดเต็ม ภายใต้ รูปแบบ "โค้ก" กับความเย็นฉ่ำ เย็นฉ่ำกับเพื่อนซี้ เพื่อนซี้กับความประทับใจ "โค้ก" กับดนตรี "โค้ก" กับความรู้สึกใหม่ ดื่ม "โค้ก" ดื่มรสชาติของความรู้สึก ถือเป็นการโฆษณาในรูปแบบของวีดีโอ ที่ได้รับการตอบรับและสร้างความรู้สึกที่ดีต่อผู้ที่ได้รับชม


จะเห็นว่าเดี๋ยวนี้โฆษณาของโค้กไม่ได้ขายของอยู่ตลอดเวลา แม้จะมีแบรนด์อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้บอกว่าให้ดื่มสิๆ หรือบอกว่าดื่มโค้กแล้วรู้สึกอย่างไร แต่จะเน้นไปที่การเล่นกับความรู้สึก ของลูกค้า ซึ่งถือเป็นจุดเชื่อมโยงความเป็นแบรนด์กับความรู้สึกที่โดนใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง



โซเชียลมิเดีย





Coca-Cola ใช้ช่องทางสื่อโซเชียลมีเดียผ่าน facebook IG twitter youtube ในการนำเสนอข้อมูล อัพเดตข่าวสาร เพื่อให้ผู้บริโภคได้ติดตามข่าวสารได้รวดเร็ว รวมถึงมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ การอัพโหลดโฆษณาเพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์เพื่อดึงดูดผู้บริโภค เพื่อเป็นที่จดจำและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว




การรับผิดชอบต่อสังคม


กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทยได้มีการจัดตั้ง มูลนิธิ โคคา-โคลา ประเทศไทย โดยร่วมมือกับหน่วยงานข้าราชการ องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร และชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อพัฒนา และดำเนินกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือ แก้ไขปัญหา สังคมในประเทศ โดยมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ของคนไทยให้ยั่งยืน ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ อย่างเร่งด่วน ตัวอย่าง

-โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา โดยเน้นการช่วยให้ผู้หญิงเป็นผู้ประกอบธุรกิจ โคคา-โคลา

-โคคา-โคลา ผนึกอาสาสมัครพลังบวกกว่า 300 คน ในโครงการชุมชนแห่งการเรียนรู้และอยู่ดีมีสุข ชุมชนเครือข่ายบ้านลิ่มทอง จ.บุรีรัมย์


โค้กร่วมกับธุรกิจอื่น




โค้กได้ร่วมกันกับฮาจิบังราเมน จัดโปรโมชั่น Hachiban Thai Movie Lover ให้รับประทานราเม็ง 2 ที่กับโค้ก 3 แก้ว 22 ออนซ์ ลูกค้าจะได้รับคูปองซื้อตั๋วหนัง 1ฟรี1 ทุกโรงภาพยนตร์ ทำให้โค้กนั้นได้เข้าไปในกลุ่มลูกค้าที่รับประทานอาหาร ทำให้เห็นว่า ในทุกมื้ออาหาร โค้กจะมีสิทธิพิเศษแตกต่างจากคู่แข่งคนอื่น ทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจ


โค้กได้ร่วมกับ Mister donut จัดโปรโมชั่น Mister Donut Movie Lover เพียงซื้อชุดโดนัท Movie set รับฟรีตั๋วหนัง sf 1 ใบยังเป็นการเพิ่มยอดขายสินค้า และเพิ่มการรับรู้จากกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบขนมหวาน ทั้งนี้เป็นการส่งเสริมการขายและเป็นการขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ



การจัดอีเว้นท์ต่างๆ



โค้กเป็นสปอนต์เซอร์ให้กับเทศกาลต่างๆที่สำคัญเพื่อเป็นการโปรโมทสินค้า และเพื่อให้คนรู้จักมากขึ้นโดยให้ช่วงเวลาแห่งความสุขอยู่ควบคู่ไปกับโค้ก เป็นการตอกย้ำแบรนด์ให้มีภาพลักษณ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง

เช่น เข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ในหลายสถานที่ทั้งในกรุงเทพฯ ในกิจกรรม "สาดซ่า สาดสนุก" ให้ชาวไทยออกมาร่วมสนุกซ่าคลายร้อนไปกับโค้ก ซึ่งจัดอย่างยิ่งใหญ่ต่อเนื่องทุกปีทั่วประเทศ ภายใต้งบประมาณกว่า 35 ล้านบาทและอีกหลายสถานที่ในกรุงเทพ ทั้งลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์,สวนสยาม,ร้าน Route66 อาร์ซีเอ อีกทั้งยังเป็นผู้สนับสนุนในต่างจังหวัด เช่น จังหวัดเชียงใหม่/บุรีรัมย์/พระประแดง/บางแสนแบบเอ็กซ์คูลซีฟ โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นเทศกาลที่สำคัญของคนไทยและมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น