ประวัติของโค้ก
"โคคา-โคลา" หรือที่ทุกคนรู้จักกันมายาวนานในชื่อ "โค้ก" เป็นเครื่องดื่มที่อยู่คู่คนทั่วโลกมายาวนานกว่า 128 ปี จากเครื่องดื่มที่เริ่มจำหน่ายในร้านขายยาท้องถิ่นในเมืองแอตแลนต้า สหรัฐอเมริกา จนถึงวันนี้ "โค้ก" เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมอันดับ 1 ของโลก
จากการจำหน่ายเพียงไม่กี่แก้ว ปัจจุบัน "โค้ก" เติมความสุขมอบความสดชื่นให้คนทั่วโลก ในหลากหลายโอกาสทุกๆ วัน วันนี้เราอยากให้ทุกคนมาร่วมกันย้อนวันวานและสนุกไปกับการเดินทางของ "โค้ก" ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน โดยตลอดระยะทางกว่า 128 ปี เปรียบเสมือนการเดินทางที่มีค่า อีกทั้งเต็มไปด้วยเรื่องราวและความทรงจำดีๆ ระหว่าง "โค้ก" และ "ผู้บริโภค" ทั่วทุกมุมโลก
เมื่อปี ค.ศ. 1886 ณ ร้านขายยา "เจคอบ ฟาร์มาซี" เมืองแอตแลนตา มลรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีเภสัชกรชื่อ ดร.จอห์น เพมเบอร์ตัน (Dr.John Pemberton) เขาได้คัดสรรวัตถุดิบจากธรรมชาติที่ให้กลิ่นและรสดีต่างๆ ที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก นำมาผสมผสาน คิดค้นจนได้เครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่นแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร แม้เวลาจะผ่านมากว่า 128 ปีแล้ว แต่ "โค้ก" ยังคงเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลก โดยปราศจากวัตถุกันเสียและสารแต่งกลิ่นสังเคราะห์ นอกจากนี้สีน้ำตาลเข้มของ "โค้ก" ที่เราคุ้นเคยก็มาจากสีของคาราเมล นั่นซึ่งก็คือสีของน้ำตาลที่ผ่านการเคี่ยวจนเหนียวข้นนั่นเอง
กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมายของโค้กคือวัยรุ่น ที่มีไลฟสไตล์เกี่ยวข้องกับโซเชียลมีเดียและมีการแชร์ความรู้สึกต่างๆบนโซเชียลมีเดีย
IMC ของโค้ก
โค้กใช้ กลยุทธ์ Emotional Marketing และ Lifestyle มีทัศนคติด้านบวกและมองโลกในแง่ดี
หรือ ดื่มโค้กแล้วรู้สึกมีความสุข เพื่อต้องการสร้างความรู้สึกขึ้นในใจของให้ผู้บริโภค
และใช้อารมณ์ความรู้สึกในการตัดสินใจซื้อ
ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มีความสร้างสรรค์และตรงใจผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างแคมเปญ
ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มีความสร้างสรรค์และตรงใจผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างแคมเปญ
“แชร์โค้ก แชร์ความรู้สึก” (Share a Coke, Share a Feeling) โดยเป็นเจ้าแรกในเมืองไทยที่นำ ‘Emoticon’ (อิโมติคอน)
หรือไอคอนกราฟฟิคแสดงอารมณ์ความรู้สึกยอดนิยมทางโลกออนไลน์ พร้อมข้อความสนุกสุดกวนถึง 39 รูปแบบ มาพิมพ์ไว้บนขวด PET และกระป๋องโค้ก เพื่อให้ผู้บริโภคได้แชร์โค้ก แชร์ความรู้สึก สร้างเสริมมิตรภาพ และส่งต่อความสุขให้แก่กัน โดยมีโค้กรุ่นพิเศษเป็นสื่อกลางเพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์แห่งความสุขซ่า และผู้นำด้านนวัตกรรมการตลาดของโค้ก
หรือไอคอนกราฟฟิคแสดงอารมณ์ความรู้สึกยอดนิยมทางโลกออนไลน์ พร้อมข้อความสนุกสุดกวนถึง 39 รูปแบบ มาพิมพ์ไว้บนขวด PET และกระป๋องโค้ก เพื่อให้ผู้บริโภคได้แชร์โค้ก แชร์ความรู้สึก สร้างเสริมมิตรภาพ และส่งต่อความสุขให้แก่กัน โดยมีโค้กรุ่นพิเศษเป็นสื่อกลางเพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์แห่งความสุขซ่า และผู้นำด้านนวัตกรรมการตลาดของโค้ก
โค้กมีการส่งสัญญาณชัดเจนเรื่องความสุขมาตลอด จัดเป็นแบรนด์ที่มี Cultural Leadership
แสดงถึงการมองโลกแง่บวก แบรนด์แห่งความสุข ซึ่งมีความชัดเจนของแบรนด์ที่สะท้อนมุมที่ชัดเจน
ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่จะเล่นความรู้สึกทางอารมณ์กับผู้บริโภคได้อย่างเข้าใจ
เพราะหากเป็นแบรนด์ใหม่ๆ หรือแม้แต่แบรนด์ที่มีอายุมากแล้ว
หากไม่มีความต่อเนื่องในการสร้างแบรนด์
การเล่นกับความรู้สึกที่โดนใจผู้บริโภคแบบแมสระดับประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย ดังตัวอย่าง
โฆษณาทางยูทูปและ TVC
Coca - Colaเปิดตัวโฆษณาใหม่เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2016 โดยมีการใช้เยาวชนที่มีความสดใส
ในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกผ่านตัวโฆษณาให้เห็น โดยแสดงให้เห็นว่าเวลาที่เราเบื่อๆ
เมื่อได้ดื่ม Coca-Cola แล้วจะทำให้รู้สึกสดชื่น มีกำลังและพร้อมลุยกับงานต่างๆ
โดยมีการเน้นย้ำที่ว่า ดื่มโค้กแล้วออกไปซ่า ทุกบ่ายสดชื่นแค่ซ่ากับโค้ก
ทั้งนี้ Coca - Cola ยังมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านโฆษณาที่มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
และหลากหลายช่องทางมากขึ้น เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและจูงใจผู้บริโภค
โดยทำการเลือกใช้พรีเซนเตอร์ที่มีความสดใส แข็งแรง เพื่อแสดงให้ถึงความซ่า สดชื่นของโค้ก
และต่อเนื่องมาติดๆกับโฆษณาชุดเต็ม ภายใต้ รูปแบบ "โค้ก" กับความเย็นฉ่ำ
เย็นฉ่ำกับเพื่อนซี้ เพื่อนซี้กับความประทับใจ "โค้ก"
กับดนตรี "โค้ก" กับความรู้สึกใหม่ ดื่ม "โค้ก"
ดื่มรสชาติของความรู้สึก ถือเป็นการโฆษณาในรูปแบบของวีดีโอ
ที่ได้รับการตอบรับและสร้างความรู้สึกที่ดีต่อผู้ที่ได้รับชม
จะเห็นว่าเดี๋ยวนี้โฆษณาของโค้กไม่ได้ขายของอยู่ตลอดเวลา แม้จะมีแบรนด์อยู่ตลอดเวลา
แต่ก็ไม่ได้บอกว่าให้ดื่มสิๆ หรือบอกว่าดื่มโค้กแล้วรู้สึกอย่างไร แต่จะเน้นไปที่การเล่นกับความรู้สึก
ของลูกค้า ซึ่งถือเป็นจุดเชื่อมโยงความเป็นแบรนด์กับความรู้สึกที่โดนใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
โซเชียลมิเดีย
Coca-Cola ใช้ช่องทางสื่อโซเชียลมีเดียผ่าน facebook IG twitter youtube
ในการนำเสนอข้อมูล อัพเดตข่าวสาร เพื่อให้ผู้บริโภคได้ติดตามข่าวสารได้รวดเร็ว
รวมถึงมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ การอัพโหลดโฆษณาเพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์เพื่อดึงดูดผู้บริโภค
เพื่อเป็นที่จดจำและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
การรับผิดชอบต่อสังคม
กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทยได้มีการจัดตั้ง มูลนิธิ โคคา-โคลา ประเทศไทย
โดยร่วมมือกับหน่วยงานข้าราชการ องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร และชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ
เพื่อพัฒนา และดำเนินกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือ แก้ไขปัญหา สังคมในประเทศ
โดยมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ของคนไทยให้ยั่งยืน
ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ อย่างเร่งด่วน ตัวอย่าง
-โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา โดยเน้นการช่วยให้ผู้หญิงเป็นผู้ประกอบธุรกิจ โคคา-โคลา
-โคคา-โคลา ผนึกอาสาสมัครพลังบวกกว่า 300 คน ในโครงการชุมชนแห่งการเรียนรู้และอยู่ดีมีสุข ชุมชนเครือข่ายบ้านลิ่มทอง จ.บุรีรัมย์
โค้กร่วมกับธุรกิจอื่น
โค้กได้ร่วมกันกับฮาจิบังราเมน จัดโปรโมชั่น Hachiban Thai Movie Lover
ให้รับประทานราเม็ง 2 ที่กับโค้ก 3 แก้ว 22 ออนซ์ ลูกค้าจะได้รับคูปองซื้อตั๋วหนัง 1ฟรี1 ทุกโรงภาพยนตร์
ทำให้โค้กนั้นได้เข้าไปในกลุ่มลูกค้าที่รับประทานอาหาร ทำให้เห็นว่า
ในทุกมื้ออาหาร โค้กจะมีสิทธิพิเศษแตกต่างจากคู่แข่งคนอื่น ทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจ
โค้กได้ร่วมกับ Mister donut จัดโปรโมชั่น Mister Donut Movie Lover
เพียงซื้อชุดโดนัท Movie set รับฟรีตั๋วหนัง sf 1 ใบยังเป็นการเพิ่มยอดขายสินค้า และเพิ่มการรับรู้จากกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบขนมหวาน
ทั้งนี้เป็นการส่งเสริมการขายและเป็นการขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ
การจัดอีเว้นท์ต่างๆ
โค้กเป็นสปอนต์เซอร์ให้กับเทศกาลต่างๆที่สำคัญเพื่อเป็นการโปรโมทสินค้า
และเพื่อให้คนรู้จักมากขึ้นโดยให้ช่วงเวลาแห่งความสุขอยู่ควบคู่ไปกับโค้ก
เป็นการตอกย้ำแบรนด์ให้มีภาพลักษณ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง
เช่น เข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ในหลายสถานที่ทั้งในกรุงเทพฯ ในกิจกรรม "สาดซ่า สาดสนุก"
ให้ชาวไทยออกมาร่วมสนุกซ่าคลายร้อนไปกับโค้ก ซึ่งจัดอย่างยิ่งใหญ่ต่อเนื่องทุกปีทั่วประเทศ
ภายใต้งบประมาณกว่า 35 ล้านบาทและอีกหลายสถานที่ในกรุงเทพ
ทั้งลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์,สวนสยาม,ร้าน Route66 อาร์ซีเอ
อีกทั้งยังเป็นผู้สนับสนุนในต่างจังหวัด
เช่น จังหวัดเชียงใหม่/บุรีรัมย์/พระประแดง/บางแสนแบบเอ็กซ์คูลซีฟ
โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นเทศกาลที่สำคัญของคนไทยและมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก