Nestlé Pure Life
เนสท์เล่ในประเทศไทย ได้เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2436 จากนั้นธุรกิจประสบความสำเร็จด้วยดีโดยการนำผลิตภัณฑ์หลายชนิดเข้ามาจากต่างประเทศ และในปี พ.ศ. 2490 ได้มีการจัดตั้งบริษัท “โปรเนสยาม อินค์” จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ เนสท์เล่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2511 ผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางและมีความต้องการ ผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ ในเมืองไทยเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับภาวะการลงทุนที่เอื้ออำนวย เนสท์เล่จึงได้ สร้างโรงงานผลิตขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นก้าวแรกของการสร้างฐานการผลิตในประเทศไทย
บทบาทของเนสท์เล่ในประเทศไทยมิได้จำกัดอยู่เพียงเฉพาะการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มคุณภาพสูงหลากหลายชนิดเท่านั้น แต่ยังมีความมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคม ส่งเสริมและสนับสนุนโครงการต่างๆ เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนให้ความช่วยเหลือ ภาคเกษตรในโครงการพัฒนาพืชผลสำหรับเกษตรกรในท้องถิ่น และมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจ ในรูปแบบการพึ่งพาตนเองโดยใช้วัตถุดิบภายในประเทศให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในปี 2007 น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ เปิตตัวโฆษณาชุดใหม่ ด้วยเรื่องราวของหนุ่มสาว 3 คู่ 3 สไตล์เพื่อปลุกกระแส “หยิบยื่นสิ่งดี ๆ ให้แก่กัน” ผ่านทางแคมเปญโฆษณาชุดใหม่
การทำตลาดของ "เนสท์เล่ เพียวไลฟ์" ที่ใช้สโลแกน "ให้ชีวิตสดใส ให้เนสท์เล่ เพียวไลฟ์" จึงต้องปรับรูปแบบมาเป็นการเดินเกมในเชิงรุกมากขึ้น เป็นวิธีการสอดแทรกประโยชน์ของการดื่มน้ำเยอะๆไปกับความห่วงใยที่อยากให้คนๆนั้น โดยนับตั้งแต่ต้นปีมีการทำตลาดที่เน้นการสร้างแบรนด์ ภายใต้กลยุทธ์ Emotional Marketing เพื่อขยายกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในวงกว้าง ผ่านโฆษณา 3 เรื่องคือ "Chat" สื่อสารถึงกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ "Basketball" เน้นลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น และ "Traffic" กลุ่มลูกค้าทั่วไปที่ใช้รถใช้ถนน
นอกจากนั้น ยังเป็นการใช้ Emotional Value เข้ามาให้เกิดการสื่อสารแบรนด์สู่ผู้บริโภค (Brand Connection) และภาพลักษณ์แบรนด์ที่ดียังเป็นปัจจัยให้มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ผ่านจุดเด่นของภาพยนตร์โฆษณาที่เน้นการนำเสนอให้น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ไปพร้อมกับโน้ตที่มีข้อความแสดงความรู้สึกดีๆ ซึ่งเป็นวิธีการสอดแทรกประโยชน์ของการดื่มน้ำ ไปกับความห่วงใยที่อยากให้คนๆ นั้นได้รับ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภครับรู้ไปพร้อมกับอารมณ์ที่สดใสและรอยยิ้มที่สดชื่น
เนสท์เล่ ได้เพิ่มความสะดวกมากขึ้นให้กับผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีเวลาไปซื้อน้ำดื่ม ทางบริษัทมีบริการจัดส่งถึงบ้านรวมถึงสำนักงานในเขตกรุงเทพฯ เงื่อนไขคือโดยต้องทำการลงทะเบียนสมัครสมาชิกในเว็บไซต์ และหากลงทะเบียนในช่วงเวลาที่กำหนดจะสามารถเลือกรับโปรโมชั่นได้ตามที่บริษัทกำหนดอีกด้วย
หน้าเว็บไซต์
เว็บไซต์ น้ำดื่มเนสท์เล่ มีการบอกประวัติความเป็นมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตราสินค้า ทั้งนี้ยังรวมลักษณะของสินค้าต่างๆให้ลูกค้าสามารถเลือกชมและอัพเดทความเคลื่อนไหว โดยหน้าเว็บไซต์มีช่องทางการติดต่อ ข่าวประชาสัมพันธ์ สินค้า โปรโมชั่นและอัพเดตกิจกรรมต่างๆของเนสท์เล่อีกด้วย
โซเชียลมีเดีย
facebook
Facebook โดยทาง Nestlé Pure Life Thailand มีการเลือกใช้สื่อของ Facebook เพื่อให้เข้าถึงกับกลุ่มลูกค้าด้วยความรวดเร็วและยังมีการลงสื่อต่างๆอีกด้วย
youtube
Youtube ผ่านทางช่อง Nestlé Pure Life Thailand โดยมีการอัพโหลดวิดีโอแคมเปญร่วมสนุก และกิจกรรมให้ความรู้แก่เยาวชนเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของการชดเชยน้ำให้ร่างกาย และรณรงค์การคัดแยกชิ้นส่วนขวดน้ำพลาสติกเพื่อนำไปรีไซเคิล
แคมเปญ
แคมเปญล่าสุด น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ พาเที่ยว ฮ่องกง ดิสนีย์แลนด์ พร้อมรางวัลอื่นๆ รวม 6 ล้านบาท น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ขนาด 0.33 ลิตร ออกแบบฉลากใหม่ให้ลูกค้าสะสมฉลากใหม่ให้ครบ 40 ชิ้น เพื่อเป็นแรงจูงใจในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์
น้ำดื่มเนสท์เล่พยายามทำให้ผู้บริโภคนั้นนึกถึงแบรนด์สินค้าของเขาอยู่ในใจเป็นอันดับแรกของการซื้อและบริโภคน้ำดื่ม จึงเลือกที่จะมุ่งเน้นให้น้ำดื่มเนสท์เล่ให้อยู่ในทุกกิจกรรมของผู้บริโภค และพยายามตอกย้ำความีคุณภาพของน้ำดื่มเนสท์เล่ ที่เหมาะกับทุกกลุ่มเป้าหมาย จึงได้เลือกที่จะทำแคมเปญต่างๆให้ออกมาตอบสนองวิถีชีวิตของผู้บริโภคทุกๆคน
แคมเปญนี้ออกมาในช่วงเทศกาลวันแม่ น้ำดื่มเนสท์เล่จึงทำวิดิโอนี้ออกมาเพื่อทำให้ความรู้สึกที่มีต่อแม่ ว่าแม่เป็นผู้ส่งต่อสิ่งดีๆให้กับเราเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึก สุขภาพร่างกายรวมถึงจิตใจ
เนื่องจากน้ำดื่มเนสท์เล่ได้อยู่คู่กับสังคมมานาน ดังนั้นในการสื่อสารของวิดิโอพยายามทำให้เห็นถึงช่วงระยะเวลาตั้งแต่ แม่ส่งต่อสิ่งดีๆให้กับเราและเราก็ส่งต่อสิ่งที่ดีๆให้กับลูกหรือคนที่เรารักต่อไป