วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559

Nestle pure life



Nestlé Pure Life


เนสท์เล่ในประเทศไทย ได้เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2436 จากนั้นธุรกิจประสบความสำเร็จด้วยดีโดยการนำผลิตภัณฑ์หลายชนิดเข้ามาจากต่างประเทศ และในปี พ.ศ. 2490 ได้มีการจัดตั้งบริษัท “โปรเนสยาม อินค์” จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ เนสท์เล่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2511 ผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางและมีความต้องการ ผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ ในเมืองไทยเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับภาวะการลงทุนที่เอื้ออำนวย เนสท์เล่จึงได้ สร้างโรงงานผลิตขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นก้าวแรกของการสร้างฐานการผลิตในประเทศไทย

บทบาทของเนสท์เล่ในประเทศไทยมิได้จำกัดอยู่เพียงเฉพาะการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มคุณภาพสูงหลากหลายชนิดเท่านั้น แต่ยังมีความมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคม ส่งเสริมและสนับสนุนโครงการต่างๆ เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนให้ความช่วยเหลือ ภาคเกษตรในโครงการพัฒนาพืชผลสำหรับเกษตรกรในท้องถิ่น และมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจ ในรูปแบบการพึ่งพาตนเองโดยใช้วัตถุดิบภายในประเทศให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ในปี 2007 น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ เปิตตัวโฆษณาชุดใหม่ ด้วยเรื่องราวของหนุ่มสาว 3 คู่ 3 สไตล์เพื่อปลุกกระแส “หยิบยื่นสิ่งดี ๆ ให้แก่กัน” ผ่านทางแคมเปญโฆษณาชุดใหม่ 
  การทำตลาดของ "เนสท์เล่ เพียวไลฟ์" ที่ใช้สโลแกน "ให้ชีวิตสดใส ให้เนสท์เล่ เพียวไลฟ์" จึงต้องปรับรูปแบบมาเป็นการเดินเกมในเชิงรุกมากขึ้น เป็นวิธีการสอดแทรกประโยชน์ของการดื่มน้ำเยอะๆไปกับความห่วงใยที่อยากให้คนๆนั้น โดยนับตั้งแต่ต้นปีมีการทำตลาดที่เน้นการสร้างแบรนด์ ภายใต้กลยุทธ์ Emotional Marketing เพื่อขยายกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในวงกว้าง ผ่านโฆษณา 3 เรื่องคือ  "Chat" สื่อสารถึงกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ "Basketball" เน้นลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น และ "Traffic" กลุ่มลูกค้าทั่วไปที่ใช้รถใช้ถนน 



 นอกจากนั้น ยังเป็นการใช้ Emotional Value เข้ามาให้เกิดการสื่อสารแบรนด์สู่ผู้บริโภค (Brand Connection) และภาพลักษณ์แบรนด์ที่ดียังเป็นปัจจัยให้มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ผ่านจุดเด่นของภาพยนตร์โฆษณาที่เน้นการนำเสนอให้น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ไปพร้อมกับโน้ตที่มีข้อความแสดงความรู้สึกดีๆ ซึ่งเป็นวิธีการสอดแทรกประโยชน์ของการดื่มน้ำ ไปกับความห่วงใยที่อยากให้คนๆ นั้นได้รับ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภครับรู้ไปพร้อมกับอารมณ์ที่สดใสและรอยยิ้มที่สดชื่น 








การบริการ




เนสท์เล่ ได้เพิ่มความสะดวกมากขึ้นให้กับผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีเวลาไปซื้อน้ำดื่ม ทางบริษัทมีบริการจัดส่งถึงบ้านรวมถึงสำนักงานในเขตกรุงเทพฯ เงื่อนไขคือโดยต้องทำการลงทะเบียนสมัครสมาชิกในเว็บไซต์ และหากลงทะเบียนในช่วงเวลาที่กำหนดจะสามารถเลือกรับโปรโมชั่นได้ตามที่บริษัทกำหนดอีกด้วย








หน้าเว็บไซต์


เว็บไซต์ น้ำดื่มเนสท์เล่ มีการบอกประวัติความเป็นมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตราสินค้า ทั้งนี้ยังรวมลักษณะของสินค้าต่างๆให้ลูกค้าสามารถเลือกชมและอัพเดทความเคลื่อนไหว โดยหน้าเว็บไซต์มีช่องทางการติดต่อ ข่าวประชาสัมพันธ์ สินค้า โปรโมชั่นและอัพเดตกิจกรรมต่างๆของเนสท์เล่อีกด้วย





โซเชียลมีเดีย

facebook

Facebook โดยทาง Nestlé Pure Life Thailand มีการเลือกใช้สื่อของ Facebook เพื่อให้เข้าถึงกับกลุ่มลูกค้าด้วยความรวดเร็วและยังมีการลงสื่อต่างๆอีกด้วย



youtube

Youtube ผ่านทางช่อง Nestlé Pure Life Thailand โดยมีการอัพโหลดวิดีโอแคมเปญร่วมสนุก และกิจกรรมให้ความรู้แก่เยาวชนเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของการชดเชยน้ำให้ร่างกาย และรณรงค์การคัดแยกชิ้นส่วนขวดน้ำพลาสติกเพื่อนำไปรีไซเคิล 




แคมเปญ


 แคมเปญล่าสุด น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ พาเที่ยว ฮ่องกง ดิสนีย์แลนด์ พร้อมรางวัลอื่นๆ รวม 6 ล้านบาท น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ขนาด 0.33 ลิตร ออกแบบฉลากใหม่ให้ลูกค้าสะสมฉลากใหม่ให้ครบ 40 ชิ้น เพื่อเป็นแรงจูงใจในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์

  •  

น้ำดื่มเนสท์เล่พยายามทำให้ผู้บริโภคนั้นนึกถึงแบรนด์สินค้าของเขาอยู่ในใจเป็นอันดับแรกของการซื้อและบริโภคน้ำดื่ม จึงเลือกที่จะมุ่งเน้นให้น้ำดื่มเนสท์เล่ให้อยู่ในทุกกิจกรรมของผู้บริโภค และพยายามตอกย้ำความีคุณภาพของน้ำดื่มเนสท์เล่ ที่เหมาะกับทุกกลุ่มเป้าหมาย จึงได้เลือกที่จะทำแคมเปญต่างๆให้ออกมาตอบสนองวิถีชีวิตของผู้บริโภคทุกๆคน




แคมเปญนี้ออกมาในช่วงเทศกาลวันแม่ น้ำดื่มเนสท์เล่จึงทำวิดิโอนี้ออกมาเพื่อทำให้ความรู้สึกที่มีต่อแม่ ว่าแม่เป็นผู้ส่งต่อสิ่งดีๆให้กับเราเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึก สุขภาพร่างกายรวมถึงจิตใจ 
เนื่องจากน้ำดื่มเนสท์เล่ได้อยู่คู่กับสังคมมานาน ดังนั้นในการสื่อสารของวิดิโอพยายามทำให้เห็นถึงช่วงระยะเวลาตั้งแต่ แม่ส่งต่อสิ่งดีๆให้กับเราและเราก็ส่งต่อสิ่งที่ดีๆให้กับลูกหรือคนที่เรารักต่อไป









วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

LEE Jeans





LEE Jeans

Lee – แบรนด์เดนิมแห่งตำนานตั้งแต่ปี 1889 Lee คิอตัวแทนของคุณภาพ นวัตกรรม และความทนทาน
นับจากที่เฮนรี่ เดวิด ลี (Henry David Lee) ก่อตั้ง 'H.D. Lee Mercantile Company' ขึ้นในแคนซัส สหรัฐอเมริกา Lee กลายมาเป็นแบรนด์เดนิมแห่งตำนานที่สร้างหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ๆ ด้วยการออกแบบนวัตกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง อาทิ กางเกงยีนส์รุ่น 101Z zip flyตัวแรกของโลกในปี 1926, ป้ายแบรนด์
ทำจากหนัง 'Hair-on-hide' และงานเย็บตะเข็บกระเป๋าหลัง แบบ 'Lazy S'นับจากการเปิดตัวครั้งแรกของ Lee bib และพัฒนาไปจนถึง คาวบอยยีนส์ รุ่น "101" 13 oz. นั้นนับเป็นเวลากว่า 120ปี ที่ Lee ได้พิสูจน์และแสดงให้เห็นถึงความหลงใหลในนวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้ Lee สามารถผันตัวเอง จากผู้ผลิตชุดทำงานที่ทนทาน สวมใส่ง่าย ไปสู่แถวหน้าของแบรนด์ผู้นำแฟชั่นร่วมสมัยในที่สุด โดยLee Jeans มีการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการดังนี้





หน้าเว็บไซต์
เว็ปไซด์ Lee มีการบอกประวัติความเป็นมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตราสินค้า ทั้งนี้ยังรวมลักษณะของสินค้าต่างๆให้ลูกค้าสามารถเลือกชมและอัพเดทความเคลื่อนไหว โดยหน้าเว็ปไซด์มีการจัดระเบียบแยกเป็นหมวดหมู่หญิง-ชาย และประเภทของยีนส์เพื่อความสะดวกสบายในการค้นหาสินค้าที่ลูกค้าสนใจ นอกจากนี้ยังมีการบอก Store Location ต่างๆ ทั่วโลกเพื่อง่ายต่อการสั่งซื้ออีกด้วย



โซเชียลมีเดีย

Twitter


Facebook


YouTube



Instargram



การใช้สื่อสังคมออนไลน์ของLeeมุ่งเน้นไปที่กลุ่มหนุ่มสาวที่มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย โดยเห็นได้จากการใช้ภาพที่เป็นเหล่าหนุ่มสาวที่มีกิจกรรมหลายอย่าง ซึ่งสอดคล้องกับLeeที่สามารถสวมใส่ได้ในทุกๆกิจกรรม



YoonA  event

Yoona girl generation เปรียบเสมือนผู้นำเทรนด์แฟชั่น เนื่องจากวงgirl generation ต้องเดินทางไปทัวร์คอนเสิร์ต และทำงานต่างประเทศอยู่บ่อยๆ การแต่งตัวของยุนอา จึงเป็นที่จับตามองของสาวๆทั่วโลกที่สนใจในด้านแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ของยุนอาจะเป็นคนที่แต่งตัวเรียบง่าย ทะมัดทะแมง เธอจึงเลือกที่จะใส่ยีนส์ Lee ตามสโลแกน " move your lee " จึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของยุนอาเป็นอย่างมาก



คลิปโฆษณา







จาก วีดีโอ Lee Jeans — Move Your Lee TV Commercial ทั้งชายและหญิงที่เผยแพร่ผ่านทาง ยูทูป เมื่อมาไม่นานมานี้ (6กันยายน2559) คลิปวีดีโอทั้งสอง พยายามสื่อมาในรูปแบบที่คล้ายๆกัน เพียงแต่ว่าแบ่งเพศสภาพให้ดูออกชัดเจนถึงผู้ใช้ยีนส์Lee แต่ยังคงดำรงไว้ซึ่งเนื้อหาที่คล้ายคลึงกัน คือแสดงถึงการสวมใส่ยีนส์ยี่ห้อLee ที่เข้ากับทุกสถานการณ์ ทั้ง การทำงานในแหล่งต่างๆ ยกตัวอย่างโดยที่ฝ่ายชายทำงานในออฟฟิศ และฝ่ายหญิงทำงานเป็นแพทย์,การเดินทางในหลากหลายรูปแบบ ตลอดถึงการปาร์ตี้เฉลิมฉลองในงานต่างๆ และท้ายคลิปยังมีการแสดงถึงกิจกรรมต่างๆอีกมากมายที่มีการใส่ยีนส์Leeในการทำกิจกรรม



Shop Lee



Shop lee เป็นศูนย์รวมกางเกงยีนส์ เสื้อยีนส์ที่มีความทันสมัยผลิตจากผ้าคุณภาพเยี่ยม เผยสไตล์ที่เป็นตัวคุณอย่างแท้จริง กางเกงยีนส์เหมาะสำหรับการแต่งตัวที่เรียบง่ายสบาย การตกแต่งร้านจึงมีความเรียบง่ายใช้เพียงแค่สีขาวและสีดำในการตกแต่งแต่แฝงความร่วมสมัยและมีสไตล์เป็นของตัวเอง



พรีเซนเตอร์




Lee เลือกใช้พรีเซนเตอร์ที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นและวัยทำงาน เพราะเป็นวัยที่สามารถทำกิจกรมมร่วมกับผู้อื่นได้ในหลากหลายกิจกรรม รวมถึงการผจญภัยต่างๆ
เพื่อทำให้ผู้บริโภคมีความรู้สึกอยากใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการ 




 "Lee City Kiosk"





วงการแฟชั่นเริ่มขยับตัวลงมาในการเลือกทำตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติ “ลี (Lee)” เป็นแบรนด์แรกในกลุ่มธุรกิจยีนส์ที่ขยับลงมาช่องทางนี้ เพราะต้องการสร้างช่องทางที่แปลกใหม่ เพิ่มกิมมิคเล็กๆ ให้การขายมีสีสัน โดยใช้ชื่อว่า “Lee City Kiosk” เป็นเครื่องขายเสื้อผ้าอัตโนมัติที่พัฒนาขึ้นของแบรนด์ลีในประเทศไทยโดยเฉพาะ
ในต่างประเทศยังไม่มีการใช้โมเดลนี้
 















วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559

AIS


AIS
เอ ไอ เอส



เว็บไซต์ Website

                    
    




AIS SHOP


ศูนย์บริการAIS shop มีพนักงานซึ่งทำหน้าที่ในการให้ข้อมูล จำหน่ายสินค้าและบริการของAIS อีกทั้งให้คำปรึกษาบริการต่างๆกับลูกค้าที่เข้าใช้บริการ การบริการที่ใกล้ชิดกับผู้ใช้บริการ เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกที่ดีต่อทางAIS


ตัวโฆษณา

การจัดทำวีดีโอคลิปโฆษณาของAISเป็นการสื่อถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆของทางบริษัท ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ชัดเจน และเนื้อหาของโฆษณามีการสื่อถึงความทันสมัย จึงดึงดูดให้ลูกค้ามาใช้บริการกับAIS



AIS Appication


เพื่อเป็นการตอบสนองวิถิชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน “Ais Application”ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ช่วยสร้างความสะดวก สามารถรับข้อมูล โปรโมชั่น สิทธิพิเศษ และสามารถติดต่อสอบถามปัญหาข้อสงสัยกับทางองค์กรได้อย่างสะดวก รวดเร็วผ่านสมาร์ทโฟนได้ทุกที่ ทุกเวลา ตลอดทุกความต้องการของผู้ใช้บริการอย่างครอบคลุม



Social Network





เนื่องจากในยุคปัจจุบัน โซเชียลมีเดียได้เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก ais ได้เล็งเห็นถึงพฤติกรรมนี้ของคนในยุคปัจจุบัน จึงสร้างช่องทางการติดต่อในโซเชียลมีเดีย หากมีปัญหาหรือข้อสงสัย ผู้ใช้บริการสามารถติดต่อและรับข้อมูลข่าวสารได้ทาง Facebook IG Line Twitter และYoutube เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รู้สึกใกล้ชิดกับองค์กรมากขึ้น ตลอดจนถึงการพัฒนาและปรับปรุงเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด



การร่วมกับธุรกิจอื่นๆ

การร่วมกับธุรกิจอื่นๆ เช่น ร้านเคเอฟซี ร้าน sizzler โรงหนังเมเจอร์ซินิเพล็กซ์ จัดโปรโมชั่นให้สิทธิพิเศษกับลูกค้าเอไอเอส เป็นการเข้าไปทำให้คนได้จดจำองค์กร ผ่านการเข้าไปทำโปรโมชั่นร่วมกับร้านค้าและการบริการต่างๆที่มีอยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ นอกจากนี้การให้สิทธิพิเศษกับลูกค้าจะทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษและเกิดความพึงพอใจ เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความเชื่อมั่นให้กับองค์กรอีกด้วย



การจัดกิจกรรม





1. เอไอเอส สนับสนุนพลังไอเดียคนรุ่นใหม่ เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ร่วมเป็น Content Creator ผ่านโครงการ
“The 5 - Min VDO Challenge” ส่งคลิปวิดีโอ หัวข้อ “Connecting Live – เชื่อมโลกให้ใกล้ เชื่อมใจให้กว้าง” เป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่มีพื้นที่แสดงออก ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เป็นการสร้างภาพลักษณืที่ดีต่อแบรนด์





                2. เอไอเอส จัดกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจ โดยการจัด Meet & Greet กับศิลปินชื่อดังมากมาย เป็นการเข้าถึงลูกค้าหลากหลายกลุ่ม และยังเป็นการตอบแทนลูกค้าอีกด้วย





3. เอไอเอส ได้ร่วมทำกิจกรรมสร้างโป่งดินและปลูกป่าการยิงเมล็ดพันธ์ไม้ ณ ผาเก็บตะวัน อุทยานแห่งชาติทับลาน จ.ปราจีนบุรี เป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์


















วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ศรีจันทร์ (Srichand)









ผงหอมศรีจันทร์ เป็นแบรนด์เครื่องสำอางค์ ที่อยู่คู่คนไทยมามากกว่า 50 ปี มีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้หญิงที่อายุ 35 ปีขึ้นไปและอยู่ตามต่างจังหวัด ทางภาคใต้และ
ภาคเหนือเป็นหลัก

ผงหอมศรีจันทร์ เริ่มทำการสื่อสารด้านการตลาดภายใต้คอนเซ็ปต์ " Quality is the real image"คุณภาพคือภาพลักษณ์ที่แท้จริง โดยเปลี่ยนชื่อจาก
"ผงหอมศรีจันทร์" เหลือแค่ "ศรีจันทร์" เพื่อให้กระชับขึ้นแต่ยังไม่ละทิ้งความเป็นตัวตนที่เน้นคุณภาพ



New Packaging ศรีจันทร์ (Srichand)

ผลิตภัณฑ์ของศรีจันทร์ที่มีเพียงผงหอมศรีจันทร์สูตรดั้งเดิม ได้เพิ่มสูตรของศรีจันทร์อีกสองสูตรเพิ่มเติม 
คือ สูตรที่เป็นผงหอมศรีจันทร์ผสมทานาคาและแป้งทรานสลูเซนท์ที่ใช้สำหรับการแต่งหน้า ซึ่งการริเริ่มการผลิตภัณฑ์สำหรับการแต่งหน้าถือว่าเป็นก้าวใหม่ของศรีจันทร์ที่เริ่มบุกตลาดเครื่องสำอางค์ นอกจากนี้ยังได้มีการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้พกพาง่าย และมีสีสันที่สดใส น่าใช้มากยิ่งขึ้น จากเดิมที่รูปลักษณ์บรรจุภัณฑ์ไม่เน้นสีสันเท่าไหร่นัก



เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2558 ศรีจันทร์ได้เผยแพร่โฆษณา

"What brand do you think of ? Yes... ศรีจันทร์"
โฆษณาชิ้นนี้ได้นำเสนอบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ของศรีจันทร์และคุณภาพของเนื้อแป้งโปร่งแสงพร้อมคุณสมบัติควบคุมความมันอันยอดเยี่ยมอยู่ในตลับพร้อมฝาหมุนแบบพิเศษ และผ้าพัฟเนื้อนุ่มนำเข้าจากญี่ปุ่น 
โดยเนื้อหาของโฆษณาเน้นให้ผู้บริโภคได้เห็นว่า สินค้านั้นมีคุณภาพไม่แพ้แบรนด์ดังจากต่างประเทศ แต่การเล่าแบบธรรมดาอาจจะไม่น่าสนใจมากพอ จึงเลือกที่จะเล่าเรื่องแบบหักมุม โดยให้คนเล่าเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นชาวต่างชาติเพื่อให้มีความเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นของไทยน้อยที่สุดและให้ผู้บริโภคสัมผัสถึงสิ่งที่ผลิตภัณฑ์ต้องการจะสื่อได้ด้วยตนเอง
ดั่งประโยค In your opinion, what brand do you think of? (คุณคิดว่า...นี่คือแป้งยี่ห้ออะไร ?)



"Srichand For Men"



เมื่อปี พ.ศ 2557 ศรีจันทร์ได้ผลิตแป้งรุ่นใหม่ออกมาสำหรับผู้ชาย และเผยแแพร่โฆษณา (ศรีจันทร์ ฟอร์เมน)
แป้งควบคุมความมันที่ออกแบบมาเพื่อผิวของผู้ชายโดยเฉพาะ โดยใช้สีดำในการสร้างบรรจุภัณฑ์ให้ดูมีความเข้มแข็งเหมาะสำหรับผู้ชาย ในโฆษณาเลือกใช้ “เวย์ ไทเทเนี่ยม” เป็นพรีเซนเตอร์ในการดึงดูดกลุ่มลูกค้าผู้ชายเพราะเป็นศิลปินที่รู้จักกันในกลุ่มผู้ชายเป็นอย่างดี มีภาพลักษณ์ที่ดูเท่ มีความเป็นสากล และในโฆษณาพยายามจะบอกถึงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ผลิตมาสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ผู้ชายสามารถใช้ได้ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2558 โดยใช้ชื่อว่า "Srichand For Men"






     

          เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ.2559 ศรีจันทร์ แบรนด์เครื่องสำอางไทยชื่อดัง เปิดตัวหนังโฆษณาล่าสุด 

"THE REAL IMAGE" ด้วยเทคนิค Interactive แตกต่างไม่เหมือนใคร! เพื่อส่งเสริมให้หญิงไทยตระหนักถึงคุณค่าจากภายใน ไม่ใช่เพียงแค่ภาพลักษณ์ภายนอก 
เช่นเดียวกับศรีจันทร์ ที่ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นอันดับหนึ่งเสมอ และการที่โฆษณาศรีจันทร์ไม่ใช้ศิลปินที่มีชื่อเสียง ก็เพื่อตอกย้ำคุณค่าของผลิตภัณฑ์
ที่มีคุณภาพได้อย่างดีอีกด้วย



     

     ศรีจันทร์ ได้มีการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบบ Modern Trade เช่นจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตราสินค้า และสามารถหาซื้อได้ง่ายเนื่องจากเซเว่นอีเลฟเว่นมีหลายสาขา ซึ่งจะเป็นการทำให้ผลิตภัณฑ์กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคเชื่อมั่นและเกิดการซื้อซ้ำ








อีกโซเชียลมีเดียหนึ่งที่เป็นที่นิยมอย่างอินสตาแกรม ศรีจันทร์ฟอร์เมน ยังการโฆษณาจากศิลปินชายที่มีชื่อเสียง 
เช่นโจ๊ก โซคูล เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักมากขึ้น และมีการใช้พริตตี้สาวสวยที่มีผู้ติดตามติดตามมากกว่าล้านคนมาโฆษณาผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายขอ
ศรีจันทร์ฟอร์เมนนั่นคือ ผู้ชาย ให้รู้จักผลิตภัณฑ์ศรีจันทร์ฟอร์เมนอีกด้วย





ด้านโซเชียลมีเดีย มีการรีวิวผลิตภัณฑ์ศรีจันทร์จากบล็อกเกอร์หรือกูรูด้านเครื่องสำอางค์ เช่น โมเมพาเพลิน 
ซึ่งเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้ที่รีวิวผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์จากแบรนด์ต่างประเทศเป็นส่วนมาก การเลือกให้โมเมรีวิวผลิตภัณฑ์ศรีจันทร์นั้นเป็นการตอกย้ำแล
สร้างภาพลักษณ์ด้านคุณภาพที่ดีสามารถสู้กับแบรนด์ต่างชาติได้